หากพูดถึงนาฬิกาหรูที่มีความสง่างามและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก Audemars Piguet Royal Oak ต้องเป็นหนึ่งในชื่อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนาฬิกาเรือนนี้ไม่เพียงแต่มีดีไซน์ที่โดดเด่น แต่ยังสะท้อนถึงคุณภาพและฝีมือการทำงานที่เป็นเลิศจากสวิสเซอร์แลนด์ จนทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีวันตกยุค นาฬิกา Royal Oak ไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่มีค่าและเป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการสะสม นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมจากเหล่าคอลเลคเตอร์ที่มองหาความพิเศษและความหายาก
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ ประวัติความเป็นมา และ ดีไซน์อันยอดเยี่ยม ของนาฬิกา Audemars Piguet Royal Oak รวมถึงทำความเข้าใจว่าเหตุใดมันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและสะท้อนถึง ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาสวิส ที่ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือน
การเปิดตัวของ Audemars Piguet Royal Oak ในปี 1972 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการนาฬิกาหรู ซึ่งทำลายกฎเกณฑ์เดิม ๆ และแนะนำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การออกแบบของนาฬิกาเรือนนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการออกแบบที่ไม่เหมือนใครและการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เคยเห็นในนาฬิกาหรูมาก่อน
เมื่อ Gérald Genta นักออกแบบชาวสวิส ที่เป็นผู้สร้างสรรค์ Royal Oak คิดค้นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประกอบด้วย กรอบทรงแปดเหลี่ยม และ สายรัดแบบบูรณาการ เขาคิดว่านี่จะเป็นการท้าทายมาตรฐานของนาฬิกาสุดหรูที่มีแต่ความเรียบง่ายและดีไซน์ดั้งเดิม ที่มักจะใช้วัสดุเช่นทองคำและทองเหลือง แทนที่จะใช้ สแตนเลสสตีล ซึ่งในเวลานั้นแทบไม่มีใครใช้ในนาฬิกาหรู
แต่กลับกลายเป็นว่า Royal Oak ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับจากผู้ที่มองหานาฬิกาสำหรับการสะสม แต่ยังสร้างความนิยมให้กับ Audemars Piguet อย่างรวดเร็ว นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการยอมรับจากวงการ haute horology หรือศิลปะการทำเครื่องบอกเวลาอย่างแท้จริง
Audemars Piguet Royal Oak เป็นนาฬิกาหรูที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามเหนือกาลเวลา ซึ่งนอกจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว ยังสะท้อนถึงความคลาสสิกที่ไม่เคยล้าสมัย ดีไซน์ของนาฬิกานี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะการออกแบบและวิศวกรรมที่ลงตัว โดยเน้นให้เห็นถึงความซับซ้อนในรายละเอียดที่ไม่เหมือนใคร มาดูกันว่าองค์ประกอบที่สำคัญของนาฬิกานี้นั้นทำให้นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในวงการนาฬิกาหรูอย่างไร
หนึ่งในคุณสมบัติที่ไม่สามารถมองข้ามได้ของ Royal Oak คือ กรอบทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาหรูในยุคใหม่ โดยลักษณะกรอบแปดเหลี่ยมนี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านการออกแบบ แต่ยังเป็นการสะท้อนถึง ความสมดุล ระหว่างความหรูหราและความทันสมัย ในเวลานั้น, การใช้กรอบแปดเหลี่ยมแทนกรอบกลมที่เป็นมาตรฐานในนาฬิกาหรูถือเป็นการยกมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม
กรอบที่ออกแบบมาในรูปแบบนี้ช่วยให้ Royal Oak มีลักษณะเด่นที่ชัดเจนและไม่ซ้ำกับนาฬิกาอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด แต่ยังคงความเรียบหรูและมีความสมดุลในทุกมุมมอง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้าง เอกลักษณ์ ที่ทำให้นาฬิกานี้เป็นที่จดจำและยากที่จะเลียนแบบ
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ Royal Oak คือ สายรัดที่ออกแบบแบบบูรณาการ ซึ่งมีลักษณะการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบกับตัวกรอบ นี่คืออีกหนึ่งการออกแบบที่ทำให้นาฬิกานี้ดูมีความสมดุลในทุกมุมมองของนาฬิกา ไม่ว่าจะมองจากด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลัง ความสวยงามของสายรัดที่เชื่อมต่อกับกรอบได้อย่างพอดีช่วยเสริมสร้างความสง่างามให้กับนาฬิกา
การที่สายรัดมีลักษณะเป็นหนึ่งเดียวกับตัวกรอบไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่ แต่ยังช่วยให้นาฬิกานี้ดูมีความแข็งแกร่งและทันสมัยในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะสวมใส่ในโอกาสไหนก็สามารถเสริมสร้างลุคที่ดูหรูหราและโดดเด่นได้อย่างไม่ยากเย็น
หน้าปัดของ Royal Oak ถูกออกแบบให้มีลวดลาย “Tapisserie” ซึ่งเป็นลวดลายที่สลักด้วยมืออย่างพิถีพิถันบนพื้นผิวของหน้าปัด ความสวยงามของลาย “Tapisserie” นี้ทำให้นาฬิกานี้มีความหรูหราและความละเอียดที่ไม่เหมือนใคร ทุกการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกาจะสะท้อนแสงที่แตกต่างกันไปตามมุมมอง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจและทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกว่ามีเครื่องประดับที่มีความลึกซึ้งและมีมิติ
ลวดลายนี้ช่วยให้นาฬิกานี้แตกต่างจากนาฬิกาหรูทั่วไปที่มักจะมีหน้าปัดเรียบ ๆ และไม่ซับซ้อน ซึ่งเป็นการเพิ่มความพิเศษและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครให้กับนาฬิกาเรือนนี้
สำหรับการตีความที่ทันสมัยและมีความประณีตมากขึ้นในเรื่องของความหรูหรา, นาฬิกาหรูที่มีดีไซน์ทันสมัยและสง่างาม มอบทางเลือกที่มีความหรูหราที่เหนือชั้นแทนการออกแบบที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของ Royal Oak.
การใช้วัสดุคุณภาพสูงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Audemars Piguet Royal Oak กลายเป็นนาฬิกาหรูที่คุ้มค่าในการลงทุนนาฬิกานี้ใช้วัสดุที่มีความทนทานและมีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาความสวยงามและความทนทานของนาฬิกา เช่น สแตนเลสสตีล, ทองคำ, แพลทินัม, และ ไทเทเนียม ซึ่งวัสดุเหล่านี้ไม่ได้แค่เสริมความหรูหราให้กับนาฬิกา แต่ยังช่วยเพิ่มความทนทานในการใช้งานในระยะยาว
ตัวอย่างเช่น, สแตนเลสสตีล ที่ใช้ใน Royal Oak นั้นเป็นสแตนเลสที่มีความทนทานสูงต่อการขีดข่วนและการกัดกร่อน ทำให้ไม่เพียงแต่มีความสวยงามในระยะยาว แต่ยังคงรูปลักษณ์ที่เรียบหรูเหมือนใหม่เสมอ นอกจากนี้, ทองคำ และ แพลทินัม ที่ใช้ในบางรุ่นของนาฬิกานี้ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของนาฬิกาและทำให้มันเป็นที่ต้องการในหมู่คอลเลคเตอร์
วัสดุเหล่านี้ยังช่วยเสริมสร้าง ความหรูหรา และ คุณค่า ของนาฬิกานี้ในฐานะนาฬิกาหรูที่สามารถใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในโอกาสพิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผลิตและการเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุด
การออกแบบที่ไม่ตกยุคของ Audemars Piguet Royal Oak นั้นไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเป็นเลิศในด้านการออกแบบ แต่ยังเป็นการยกระดับนาฬิกาหรูให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความสง่างาม และความเชี่ยวชาญในงานฝีมือที่ไม่มีวันหมดอายุ
Audemars Piguet Royal Oak ไม่ใช่แค่เพียงนาฬิกาเพื่อบอกเวลา แต่มันกลายเป็น สัญลักษณ์ของความหรูหรา และ สถานะทางสังคม ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก การเปิดตัวนาฬิกานี้ในช่วงทศวรรษที่ 70 ถือเป็นการ พลิกโฉมวงการนาฬิกาหรู และได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรูปแบบของ นาฬิกาสแตนเลสสตีล ซึ่งทำให้ผู้คนในวงการเริ่มหันมามองนาฬิกาหรูในมุมมองใหม่
ก่อนที่จะมีการเปิดตัว Royal Oak, นาฬิกาหรูในตลาดมักจะผลิตจาก ทองคำ หรือ แพลทินัม ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความหรูหราและคุณค่าทางสังคมอยู่แล้ว การที่ Audemars Piguet ตัดสินใจผลิตนาฬิกาหรูด้วย สแตนเลสสตีล ซึ่งเป็นวัสดุที่ค่อนข้างไม่คุ้นเคยในวงการหรูหราในเวลานั้น กลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนวงการนาฬิกาหรูโดยสิ้นเชิง
นาฬิกานี้ใช้ สแตนเลสสตีล ที่มีความทนทานสูงและทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ซึ่งถือเป็นการยกระดับวัสดุที่เคยถูกมองว่าเป็น "วัสดุธรรมดา" มาเป็นสิ่งที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังสามารถให้ความ ทนทาน และ ความสง่างาม พร้อมกับราคาและการออกแบบที่เข้าถึงได้มากขึ้นกว่าการใช้ทองคำหรือแพลทินัม ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและวัสดุที่หรูหรา, นาฬิกานี้จึงสามารถดึงดูดคนที่ชื่นชอบทั้งในเรื่อง การใช้งานจริง และ ความสวยงาม
การที่ Royal Oak กลายเป็นนาฬิกาหรูที่ทำจากสแตนเลสสตีล ทำให้มันกลายเป็น มาตรฐานใหม่ ที่หลายๆ แบรนด์ต้องการเลียนแบบและพัฒนาไปในทิศทางเดียวกันนาฬิกานี้ได้รับการออกแบบในรูปทรง แปดเหลี่ยม และมี หน้าปัด "Tapisserie" ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่มีใครเคยเห็นในนาฬิกาหรูที่ผลิตจากวัสดุอื่นมาก่อน การที่ Audemars Piguet สามารถผสมผสานการออกแบบที่แปลกใหม่และน่าสนใจพร้อมทั้งวัสดุที่ทนทานได้อย่างลงตัว ยิ่งทำให้ Royal Oak กลายเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ในวงการ
นอกจากนี้, นาฬิกานี้ยังสร้าง มาตรฐานใหม่ ในการให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ไม่เพียงแต่เน้นไปที่ความหรูหราเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และ ความสะดวกสบาย สำหรับผู้สวมใส่ด้วย สาเหตุที่นาฬิกาเรือนนี้สามารถทำให้ผู้สวมใส่รู้สึก มั่นใจ และ ภูมิใจ ในการสวมใส่ ก็เพราะมันไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของความหรูหรา แต่ยังเป็นการแสดงออกถึง ความเป็นผู้นำ และ ความมีรสนิยม ในระดับสูง
หลังจากการเปิดตัวนาฬิกานี้, มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ในวงการนาฬิกาหรู เพราะนาฬิกาเรือนนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหรูหรา แต่ยัง บ่งบอกถึงสถานะทางสังคม ของผู้สวมใส่ด้วย คนที่มีนาฬิกานี้อยู่ในครอบครองจะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรอบรู้ในเรื่องของนาฬิกาและเข้าใจถึง คุณค่า ที่มาพร้อมกับนาฬิกาเรือนนี้
นาฬิกาหรูที่ถูกผลิตจากวัสดุที่ทนทานและมีดีไซน์ที่สวยงามเช่นนี้ก็เหมือนกับการแสดงออกถึง ความเป็นผู้รู้ในเรื่องการเลือกของดี และ การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต เป็นการแสดงให้เห็นว่าเจ้าของของมันสามารถเข้าถึงความหรูหราและมีรสนิยมที่เหนือชั้นมากกว่าผู้คนทั่วไป
Royal Oak ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหรูหราและสถานะทางสังคมของผู้สวมใส่ แต่ยังสะท้อนถึง ความคลาสสิก และ ความทันสมัย ที่ไม่เคยตกยุคไปตามกาลเวลา มันยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดนาฬิกาหรูโดยเฉพาะในหมู่ นักสะสมนาฬิกา และ คอลเลคเตอร์ ที่มองหานาฬิกาที่มี ความหายาก และ คุณค่า ที่จะเพิ่มขึ้นตามเวลา
การที่นาฬิกานี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแม้จะผ่านมาหลายทศวรรษ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความ คลาสสิก ของมันที่ไม่เคยตกยุค นาฬิกาเรือนนี้ได้กลายเป็น สมบัติที่มีคุณค่า และเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ให้ความสำคัญกับทั้ง คุณภาพ และ ดีไซน์ที่ยั่งยืน
Audemars Piguet Royal Oak เป็นมากกว่าการเป็น นาฬิกาหรู มันเป็น สัญลักษณ์ของความหรูหรา, สถานะทางสังคม, และ ความคลาสสิก ที่ไม่มีวันตกยุค นาฬิกาเรือนนี้ไม่เพียงแต่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการนาฬิกาหรู แต่ยังทำให้โลกของนาฬิกา พัฒนา และ ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับการสะท้อนถึง คุณค่า ที่ไม่มีวันหมดอายุ
หากคุณกำลังมองหาการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างงานฝีมือทางศิลปะและอัญมณีที่สวยงาม, เครื่องประดับหรูหรา นำเสนอลักษณะความหรูหรา พร้อมทางเลือกที่พิเศษยิ่งขึ้นกว่า Royal Oak.
หากคุณกำลังมองหาการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างงานฝีมือทางศิลปะและอัญมณีที่สวยงาม, นาฬิกาเครื่องประดับหรูหราและประณีต นำเสนอลักษณะความหรูหรา พร้อมทางเลือกที่พิเศษยิ่งขึ้นกว่า Royal Oak.
นาฬิกานี้ไม่เพียงแต่เป็นนาฬิกาหรูที่มีดีไซน์ยอดเยี่ยมและโดดเด่นในวงการ แต่ยังถือเป็น ไอเทมที่มีมูลค่าสูง และ เป็นที่ต้องการของนักสะสม ที่มองหาความพิเศษและความหายากในตลาดนาฬิกาหรู Royal Oak ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่ในด้านของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็น สินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในมูลค่า เมื่อเวลาผ่านไป
สำหรับ นักสะสมนาฬิกา, Royal Oak ถือเป็น เครื่องประดับที่ต้องมี และมักถูกจับตามองโดยผู้ที่มีความรู้และความเข้าใจในด้านการสะสม เพราะมันไม่ใช่แค่ นาฬิกาที่ใช้บอกเวลา แต่ยังเป็น เครื่องมือที่สะท้อนถึงสถานะและรสนิยม ของเจ้าของได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้, นาฬิกานี้ยังถือเป็น สินทรัพย์ที่มีมูลค่า ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
บางรุ่นของ Royal Oak เช่น รุ่น Limited Edition หรือรุ่นที่ผลิตในจำนวนจำกัด โดยเฉพาะรุ่นที่มีวัสดุพิเศษหรือมีลวดลายหน้าปัดที่เฉพาะเจาะจง, มักจะได้รับความสนใจจาก คอลเลคเตอร์ และ นักลงทุน ที่มองหาโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในมูลค่า
การลงทุนในนาฬิกานี้ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมันเป็น สินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเวลา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ผลิตในจำนวนจำกัด หรือรุ่นที่มี ลวดลายหน้าปัดที่พิเศษ ซึ่งผู้ที่ซื้อและเก็บสะสมไว้มักจะเห็นมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว ตัวอย่างเช่น, รุ่น Jumbo หรือ Offshore ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัยและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในแต่ละปี
นักสะสมมักจะมองหาความ หายาก และ ไม่ซ้ำใคร เมื่อเลือกซื้อ Royal Oak และโดยเฉพาะรุ่นที่ผลิตในจำนวนจำกัดซึ่งจะมี มูลค่าที่ยืดหยุ่น ขึ้นตามการให้ความนิยมในอนาคต
รุ่น Limited Edition ของ Royal Oak คือ การสะสมที่มีความพิเศษอย่างยิ่ง เพราะมันผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ซึ่งทำให้เกิด ความต้องการสูง ในตลาด นาฬิกาในรุ่นเหล่านี้มักจะมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น วัสดุพิเศษ หรือ การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้มันมี มูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ตัวอย่างของรุ่นที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้ ได้แก่ Offshore Chronograph ที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำและการผลิตในจำนวนจำกัด รวมถึง Concept ที่มีความพิเศษในการใช้วัสดุที่หายาก เช่น ไทเทเนียม หรือ เซรามิก ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักสะสม
โดยการสะสมรุ่น Limited Edition ไม่เพียงแต่สะท้อนถึง สถานะ และ รสนิยมที่ดี ของเจ้าของ แต่ยังเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูงในระยะยาว เนื่องจากรุ่นเหล่านี้มักจะเพิ่มมูลค่าได้ตามความต้องการในตลาดที่สูงขึ้น
การสะสม Audemars Piguet Royal Oak เป็นการลงทุนที่ไม่เพียงแต่เน้นไปที่การสะสมความสวยงามและความหายาก แต่ยังเน้นไปที่การเลือกนาฬิกาที่ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในรุ่นที่หายากหรือรุ่นที่มีการผลิตในจำนวนจำกัด Royal Oak ถือเป็นนาฬิกาหรูที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการลงทุนอย่างแท้จริง เพราะมันเป็น สินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต และสามารถ เพิ่มมูลค่า ตามกาลเวลาได้ในรูปแบบที่น่าทึ่ง
ในระยะยาว, นาฬิกานี้สามารถ สะสมมูลค่า และ เพิ่มมูลค่าตามการเรียกคืนของตลาด โดยเฉพาะเมื่อมีการผลิตในจำนวนจำกัดหรือเมื่อมีการออกแบบที่มีความพิเศษจาก Audemars Piguet
Audemars Piguet Royal Oak นอกจากจะเป็นนาฬิกาหรูที่สะท้อนถึงความสวยงามและความหรูหราแล้ว ยังเป็น สินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในมูลค่า สำหรับนักสะสมและนักลงทุนที่มองหาความหายากและความพิเศษในโลกของนาฬิกา ความสามารถในการสะสมและการลงทุนใน Royal Oak เป็นสิ่งที่ทำให้มันไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับ แต่ยังเป็น การลงทุนที่สามารถเติบโตตามเวลา โดยเฉพาะในรุ่นที่มีความพิเศษและผลิตในจำนวนจำกัด
Audemars Piguet Royal Oak ไม่ได้เป็นเพียงแค่ นาฬิกาหรู ที่มีฟังก์ชันการใช้งาน แต่มันคือ สัญลักษณ์ของความหรูหรา และ ความคลาสสิก ที่ไม่มีวันตกยุค ความโดดเด่นใน ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการเลือกใช้ วัสดุคุณภาพสูง ทำให้มันเป็นนาฬิกาที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันในการผลิตและความสามารถในการ ผสมผสานระหว่างแฟชั่น และ ฟังก์ชันการใช้งาน ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อพูดถึง Audemars Piguet Royal Oak, มันไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็น เครื่องประดับที่บ่งบอกถึงรสนิยม และ สถานะของผู้สวมใส่ เพราะความหรูหราและความละเอียดในการออกแบบที่ไม่เหมือนใครทำให้มันเป็นที่นิยมในวงการ นาฬิกาหรู ทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่ คอลเลคเตอร์ และ นักสะสม ที่มองหาความพิเศษและความหายาก
นาฬิกานี้ถือเป็น ตำนานในวงการนาฬิกา ที่สะท้อนถึงความ เชี่ยวชาญด้านการผลิต และ ความเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีวันตกยุค ด้วย มูลค่า และ ความนิยมที่เพิ่มขึ้น ตามเวลา ทำให้มันเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่ เป็นมรดกทางสัญลักษณ์ ของวงการนาฬิกาหรูในทุกยุคสมัย, นาฬิกา Audemars Piguet สุดหรู จึงเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความปราณีตที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น.